เสน่ห์ขนมไทย

เสน่ห์ขนมไทย


            “ขนม”  เป็นของกินเล่นยามว่าง เป็นอาหารเบา ๆ มีหลากหลายชนิด หลายรสชาติ หลายรูปแบบ  ขนมมีอิทธิพลต่อการกินและชีวิตความเป็นอยู่อย่างมาก  คำว่า  ขนม”  มีใช้มาหลายร้อยปียากจะสันนิฐานแน่นอนได้ เช่นเดียวกับไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่า ขนมไทยเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยใดเป็นครั้งแรก แต่ตามประวัติศาสตร์ไทยมีหลักฐานตอนหนึ่งว่า มีการจารึกชื่อขนมในแท่งศิลาจารึก เป็นการจารึกแบบลายแทงสมัยโบราณ ขนมที่ปรากฏคือ   ไข่กบ นกปล่อย  มะลิลอย   อ้ายตื้อ “  ผู้หลักผู้ใหญ่คนโบราณ ได้อธิบายความหมายของขนมเหล่านี้ไว้ว่า  ไข่กบ หมายถึง เม็ดแมงลักที่แช่น้ำจนโป่งพองดูคล้ายไข่กบ  นกปล่อย หมายถึง ลอดช่องไทย ที่กดผ่านตะแกรงรู หลุดลอดลงมาเป็นตัวคล้ายกับนกปล่อยของเสีย   มะลิลอย  หมายถึง ข้าวตอก ที่เป็นแผ่นแบบสีขาว ดูคล้ายมะลิลอยน้ำ  อ้ายตื้อ หมายถึง ข้าวเหนียวดำนึ่งสุก ขนมทั้งสี่ชนิดนี้ ใช้น้ำกระสายอย่างเดียวกันคือ น้ำกะทิเคี่ยวกับน้ำตาลโตนด  เวลาเสิร์ฟจะเสิร์ฟเป็นถ้วย ๆ แยกกัน 4 ชนิด  ซึ่งเราเรียกการเลี้ยงขนม 4 อย่างนี้ว่า  ประเพณีกิน 4 ถ้วย


 “ขนมไทย”  เป็นขนมที่เกิดจากฝีมือล้วน ๆ  เป็นของหวานที่มักทำและรับประทานกันในครัวเรือน  มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ มีวิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน  ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทานที่ปราณีตบรรจงของขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตกต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้น ๆ   ขนมไทยทั่วไปจะมีความหวานนำ หรือมีความหวานจนรู้สึกในลิ้นของผู้รับประทาน การทำขนมไทยเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาและฝึกฝน ต้องใช้ศิลปะ วิทยาศาสตร์ ความอดทน และความเป็นระเบียบ ความพิถีพิถันในการประกอบ

No comments:

Post a Comment